Holiday-Tourismthailand

การจัดการการตลาดแนวใหม่

Custom Search

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ภาวะปัสสาวะเล็ดหรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ Incontinence


สมัยเด็กๆมักจะได้ยินคำว่าปัสสาวะราด ซึ่งมักจะพบในผู้หญิงสูงอายุและมักจะมีบุตรหลายคน ภาวะนี้เป็นภาวะที่ปัสสาวะออกโดยไม่ได้ตั้งใจหรือกลั้นปัสสาวะไม่ได้นั้นเอง บางท่านเวลาไอหรือจามก็มีปัสสาวะออกมา บางท่านเข้าห้องน้ำไม่ทัน เป็นปัญหาก่อให้เกิดผลเสียต่อคุณภาพชีวิตผู้ป่วยไม่กล้าเดินทาง มีปัญหาเรื่องการจ้างงาน และทางสังคม นอกจากนั้นยังอาจจะเกิดปัญหาโรคแทรกซ้อนเช่น ผื่น ผิวหนังอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ นอกจากนั้นยังทำให้เสียค่าใช้จ่ายเรื่องผ้าอ้อม น้ำหอม

กลไกการปัสสาวะ

ไตทำหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือดของเสียดังกล่าวคือปัสสาวะนั้นเอง ปัสสาวะจะไหลจากไตไปสู่ท่อไต ureter ไปสู่กระเพาะปัสสาวะ bladder กระเพาะปัสสาวะจะทำหน้าที่เก็บปัสสาวะและบีบตัวไล่ปัสสาวะผ่านทางท่อปัสสาวะโดยมีวาล์วกั้นมิให้ปัสสาวะไหลกลับ
สาเหตุของการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

1.สาเหตุการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ชนิดชั่วคราว เมื่อรักษาสาเหตุอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ก็จะหายไป สาเหตุได้แก่
•การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
•การติดเชื้อที่ช่องคลอด
•ท้องผูก
•ผลจากยาบางชนิด
2. สาเหตุถาวรที่กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้แก่
•กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง
•กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนแรง
•หูรูดท่อปัสสาวะอ่อนแรง
•ต่อมลูกหมากโต
•ผลจากการขาดฮอร์โมน
•โรคทางระบบประสาทเช่นอัมพาตท่อนล่าง
การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่มีกี่ชนิด

•Stress incontinence เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุดมักจะพบในผู้ป่วยผู้หญิงที่มีอายุและมีบุตรหลายคนเนื่องจากกล้ามเนื้อมีการยืดและอ่อนแรง ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะออกเมื่อไอ จาม หัวเราะ หรือกิจกรรมที่เพิ่มความดันหน้าท้องเช่นการเป่าลูกโป่ง
•Urge incontinenceผู้ป่วยไม่สามารถอั้นปัสสาวะได้นานพอ เมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะจะถ่ายทันทีทำให้เข้าห้องน้ำไม่ทัน อาจจะถ่ายปัสสาวะทุก 2 ชั่วโมง
•Mixed incontinence เป็นภาวะเกิดร่วมทั้งสองอย่าง
•Overflow incontinence ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีปัญหาไม่สามารถปัสสาวะออกเช่นโรคต่อมลูกหมากโต หรือโรคทางเส้นประสาทเช่นโรคเบาหวานผู้ป่วยมักจะมีปัสสาวะเต็มกระเพาะปัสสาวะรู้ได้โดยการคลำพบก้อนที่หัวเหน่า ผู้ป่วยจะมีปัสสาวะไหลกระปริดกระปอยผู้ป่วยจะปัสสาวะครั้งละไม่มาก หลังปัสสาวะจะรู้สึกว่ายังปัสสาวะไม่หมด ใช้เวลาปัสสาวะนานแต่ปัสสาวะออกน้อย
•Unconscious or reflex incontinence มักเกิดในผู้ป่วยที่มีโรคทางระบบประสาท
•Functional incontinence ผู้ป่วยพวกนี้อาจจะมีโรคทำให้เคลื่อนไหวช้าเช่นข้อเสื่อมทำให้ไปห้องน้ำไม่ทัน
การวินิจฉัย

การวินิจฉัยคงต้องอาศัยประวัติแยกให้ได้ว่าการกลั้นปัสสาวะเป็นชนิดใดและอาจจะต้องพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อประเมินและรักษา การรักษาแบ่งได้เป็น

1.การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม Behavioral จะต้องสอนผู้ป่วยให้เปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง
•Bladder training เป็นฝึกกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะใช้กับผู้ป่วยที่กลั้นปัสสาวะไม่ได้ชนิด Urge incontinence ให้ผู้ป่วยปัสสาวะเป็นเวลาเช่นทุกหนึ่งชั่วโมงเมื่อทำได้ดีค่อยเพิ่มเวลาจนนานพอตามต้องการ
•ผู้ป่วยที่เป็น stress incontinence ให้ฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานให้แข็งแรงทำวันละ 30-80 ครั้ง
•หลีกเลี่ยงอาหารที่ระคายต่อกระเพาะปัสสาวะ เช่น กาแฟ สุรา
การรักษาวิธีนี้ไม่มีโรคแทรกซ้อน

2.การใช้เครื่องมือ องค์การอาหารและยาของสหรัฐได้รับรองเครื่องมือ 2 ชนิดในการรักษา stress incontinence เป็นเครื่องมือที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งโดยสอดเครื่องมือเข้าไปในท่อปัสสาวะแล้วฉีดลมเข้าในท่อซึ่งจะป้องกันปัสสาวะเล็ดออกมา เมื่อจะปัสสาวะก็เอาลมออกและปัสสาวะ ข้อเสียคือมีการติดเชื้อบ่อย
3.การรักษาด้วยยาใช้ได้กับชนิด Urge incontinence โดยให้ยา anticholinergic ข้อเสียคือปากแห้ง ตามัว ท้องผูก
4.การรักษาโดยการผ่าตัด วิธีการผ่าตัดขึ้นกับชนิดของการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
•ต่อมลูกหมากโตก็ผ่าตัดต่อมลูกหมาก
•stress incontinenceก็ผ่าตัดแก้ไขกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน

ปัสสาวะรดที่นอน

หากท่านหรือลูกของท่านปัสสาวะรดที่นอนแล้วล่ะก็ไม่ต้องตกใจเพราะจะมีเด็กอเมริกา 5-7 ล้านคนที่เป็นเหมือนกับท่าน การปัสสาวะรดที่นอนเป็นภาวะที่ไม่ได้ตั้งใจทำซึ่งก่อให้เกิดความเครียดทั้งตัวเด็ก(โต)และผู้ปกครอง
สาเหตุและชนิดของปัสสาวะรดที่นอน
ปัสสาวะรดที่นอนสามารถพบได้ในเด็กอายุ 6 ปีประมาณร้อยละ 15-20 ส่วนเด็กวัยรุ่นพบได้ร้อยละ1 เด็กที่ปัสสาวะรดที่นอนส่วนใหญ่จะปกติทั้งร่างกายและจิตใจโดยมากมักเป็นในเด็กอายุน้อยกว่า 6 ปี สาเหตุที่พบได้คือกรรมพันธุ์ ร้อยละ 85มักมีประวัติสมาชิกในครอบครัวที่ปัสสาวะรดที่นอนเด็กที่ปัสสาวะรดที่นอนตั้งเด็กเรียก primary ท่านผู้ปกครองไม่ต้องโกรธหรือตกใจหรือเป้นความผิดของใครเพราะเป็นเรื่องปกติของเด็กสาเหตุคือ
•ระบบประสาทและกระเพาะปัสสาวะยังพัฒนาไม่ดีพอที่จะเก็บปัสสาวะในตอนกลางคืน•เด็กไม่สามารถเรียนรู้ว่าปัสสาวะเต็มกระเพาะปัสสาวะ ส่วนเด็กที่เคยไม่ปัสสาวะรดที่นอนแล้วกลับมาปัสสาวะรดที่นอนเรียก secondary ให้คิดว่าอาจจะมีโรค เช่นทางเดินปัสสาวะอักเสบ โรคเบาหวาน หรือมีความเครียดเกิดขึ้น เช่นเครียดที่โรงเรียน มีน้องใหม่ พ่อแม่แยกทางกันเป็นต้น เด็กบางคนเวลาท้องผูกจะมีปัสสาวะรดที่นอน การเปลี่ยนแปลงอาหารบางอย่างสามารถแก้เรื่องท้องผูกได้เมื่อมีปัญหาเรื่องเด็กปัสสาวะรดที่นอน ท่านผู้ปกครองต้องสังเกตอาการต่อไปนี้หากพบต้องรายงานแพทย์
•เวลาปัสสาวะต้องเบ่ง ปัสสาวะออกลำเล็ก และปัสสาวะไหลเป็นหยดเมื่อปัสสาวะเสร็จ•สีปัสสาวะมีเลือดหรือหนองปนหรือไม่•กลั้นปัสสาวะในเวลากลางวันได้หรือไม่•ปวดแสบขณะปัสสาวะการรักษา
ไม่มีใครทราบว่าทำไมเด็กจึงปัสสาวะรดที่นอน เด็กบางคนสามารถลุกขึ้นไปปัสสาวะได้เอง หากเด็กปัสสาวะรดที่นอน ก็มีวิธีที่จะช่วยได้ดังนี้
•ลดปริมาณน้ำดื่มโดยเฉพาะน้ำดื่มที่ผสมกาแฟอิน•ห้ามกล่าวโทษหรือทำร้ายเด็กเพราะไม่ใช่ความผิดของเด็กและอาจจะทำให้สถานการณ์แย่ลง•อธิบายให้เด็กทราบว่าเค้าไม่ได้เป็นคนเดียว เด็กคนอื่นก็เป็นแต่เรื่องนี้ไม่มีใครเปิดเผย และเมื่อโตขึ้นจะหายเอง•เด็กจะไม่ชอบไปพักบ้านเพื่อนเนื่องจากกลัวว่าความลับจะถูกเปิดเผย เด็กบางคนเมื่อไปพักบ้านเพื่อนจะไม่ปัสสาวะรดที่นอนเนื่องจากเด็กหลับไม่ลึกพอ•ให้เด็กปัสสาวะก่อนไปนอน•ใช้นาฬิกาปลุกเมื่อเด็กปัสสาวะโดยมีเครื่องตรวจวัดความชื้น เมื่อเด็กปัสสาวะก็จะส่งเสียงปลุกเด็กให้ไปปัสสาวะ•ใช้พลาสติกคลุมเตียงจนกระทั้งเด็กสามารถกลั้นปัสสาวะได้เองจะฝึกเด็กใช้ห้องน้ำเมื่อใด
การฝึกเด็กให้ปัสสาวะในห้องน้ำไม่ใช่เรื่องที่ทำสำเร็จใน 1 คืนโดยทั่วไปใช้เวลา 2สัปดาห์-6เดือน
•โดยมากเด็กจะพร้อมฝึกเมื่ออายุประมาณ 2 ปี•เมื่อเด็กบอกว่าสามารถทำได้•เด็กสามารถทำตามคำสั่งง่ายๆได้•สามารถกลั้นปัสสาวะได้•สามารถบอกว่าปวดปัสสาวะได้•เด็กไปถ่ายปัสสาวะเองได้

Antihistamine

ยาแก้แพ้เป็นยาหลักสำหรับการรักษาโรคภูมิแพ้ ยาแก้แพ้ในระยเริ่มแรกจะมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงปราถนา เช่นอาการปากแห้ง ทำให้เกิดการง่วงซึมซึ่งเป็นผลเสียต่อการทำงาน การทำงานของยาแก้แพ้จะออกฤทธิ์ที่ H1-receptor คุณสมบัติของยาแก้แพ้มีดังนี้

•ลดอาการที่เกิดจากการหลั่ง histamine เช่น อาการจาม คันจมูก น้ำมูกไหล
•แต่ไม่ลดอาการของคัดจมูก
•สามารถลดอาการคันตา และคันหู
•ยาแก้แพ้ส่วนใหญ่ออกฤทธิ์เร็ว
เนื่องจากผลข้างเคียงของยาแก้แพ้มีมากจึงได้มีการพัฒนายาแก้แพ้รุ่นใหม่ที่มีผลข้างเคียงต่ำ ขณะเดียวกันก็ยังคงมีประสิทธิภาพ ยารุ่นใหม่ต้องมีประสิทธิภาพในการรักษาดังนี้
1.เยื่อบุจมูกอักเสบจากโรคภูมิแพ้ทั้งชนิดเป็นทั้งปี Perrenial allergic rhinitis และเป็นเฉพาะฤดู seasonal allergic rhinitis
2.เยื่อบุตาอักเสบจากโรคภูมิแพ้
3.ลมพิษ ยาที่จัดว่าได้ผลดีสำหรับลมพิษคือ cetiricine,terfenadine ซึ่งออกฤทธิ์เร็วและลดอาการคันได้เป็นอย่างดี
4.ผิวหนังอักเสบแบบ Atopic dermatitis ยาที่ใช้ได้ผลดีคือ cetirizine,loratadine,ketotifen
5.โรคหืด asthma โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหอบหืดที่มีอาการภูมิแพ้มีอาการคัดจมูก และน้ำมูกไหล
ผลข้างเคียงของยา

1.อาจจะทำให้ง่วง ซึม และน้ำหนักตัวเพิ่ม แต่อาการน้อยกว่ายาแก้แพ้รุ่นแรกๆ
2.พิษต่อหัวใจ astemazole,terfenadine จะมีผลต่อการเต้นของหัวใจ แต่ยาตัวอื่นไม่มีผลต่อการเต้นของหัวใจ
ข้อระวังในการใช้ยา

1.ควรจะต้องระวังการใช้ยาอื่น เพราะอาจจะเกิดปฏิกิริยา ยาที่ต้องระวังได้แก่ erythromycin,ketoconazole,itraconazole
2.ไม่ควรใช้ยานี้ในคนตั้งครรภ์
3.ไม่ควรใช้ยานี้ในคนที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่
4.ควรจะระมัดระวังในคนที่เป็นโรคไต และโรคตับ

การแพ้ยาง

ยางหมายถึงยางพาราที่นำมาทำเป็นเครื่องใช้มากมายในบ้าน เช่นรองเท้า ถุงยางอนามัย ลูกโป่ง ตุ๊กตา ยางรถยนต์ และนำมาใช้ทางการแพทย์มากมายเช่นถุงมือ สายยาง สายน้ำเกลือ การแพ้ยางพารามีได้หลายรูปแบบ เช่นแพ้จากการสัมผัสเช่นผื่นแพ้สายรองเท้า สายยางรัดขอบกางเกงใน หรือบางรายได้หายใจเอาชิ้นส่วนเล็กๆทำให้เกิดภูมิแพ้ บางรายเป็นแบบหอบหืด ชนิดที่รุนแรงอาจจะเป็น anaphylaxis หากสงสัยว่าแพ้ยางพาราสามารถทราบได้โดยการทดสอบทางผิวหนังและตรวจเลือด การแพ้ยางอาจจะแพ้จากเนื้อยางหรือแพ้สารที่ผสมอยู่

คนที่เสี่ยงต่อการแพ้ยาง

•บุคคลากรทางแพทย์ที่ต้องใช้เครื่องมือที่ทำจากยาง เช่น ถุงมือ สายยาง หมวก เป็นต้น
•ผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับยาง
•ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดบ่อย
•ผู้ที่เป็นโรคทางประสาทไขสันหลัง หรือต้องคาท่อปัสสาวะเรื้อรัง
•ผู้ที่สวมถุงยาง
ตำแหน่งซึ่งอาจจะเกิดการแพ้

•จากการสัมผัสทางผิวหนัง เช่นการสวมถุงมือ ถุงยางอนามัย
•จากเยื่อเมือก เช่นการอมถุงยาง ท่อสำหรับสวนอุจาระ
•จากทางลมหายใจ เช่นฝุ่นจากถุงมือหรือเครื่องมือ
•เข้าทางหลอดเลือดจากสายน้ำเกลือ

โรคหอบหืด


ถ้าหากท่านหรือญาติเป็นโรคหอบหืด ท่านไม่ได้เป็นหอบหืดคนเดียวเพราะเราพบโรคหอบหืดได้ทั่วโรค โดยมากมักจะเริ่มเป็นตั้งแต่เด็ก โรคหอบหืดเป็นโรคเรื้อรัง อาการแต่ละคนรุนแรงไม่เท่ากัน และการหอบแต่ละครั้งก็มีความแตกต่างกัน บางคนอาจหอบไม่กี่นาทีก็หาย บางคนหอบมากถึงกับเสียชีวิตก็มี
เนื่องไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเมื่อไร่จะเป็นหอบหืด และไม่ทราบว่าหอบแต่ละครั้งจะเป็นมากแค่ไหน การศึกษาให้เข้าใจโรครวมทั้งการมีแผนการรักษาที่ดีสามารถทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี รายละเอียดที่จะนำเสนอต่อไปนี้ได้มาจากตำราของต่างประเทศและของประเทศไทยเหมาะสำหรับผู้ป่วย ญาติ และนักเรียนที่จะนำข้อมูลที่ได้ไปใช้สำหรับท่านผู้อ่านที่เป็นโรคหอบหืดอยู่แล้วท่านเริ่มอ่านที่จุดประสงค์ของการรักษา ส่วนท่านที่ยังไม่ทราบว่าตัวเองเป็นหรือไม่แนะนำให้เริ่มอ่านตั้งแต่เริ่มต้น เนื้อหาข้อมูลจะเป็นแนวทางการดูแลตัวเอง
นิยาม
โรคหอบหืดเป็นโรคของหลอดลมที่มีการอักเสบเรื้อรัง [Chronic inflammatory] เป็นผลให้มี cell ต่างๆ เช่น mast cell,eosinophils,T-lymphocyte,macrophage,neutrophil มาสะสมที่เยื่อบุผนังหลอดลม ทำให้เยื่อบุผนังหลอดลมมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารภูมิแพ้ และสิ่งแวดล้อมมากกว่าคนปกติ[bronchial hyper-reactivity] ผลจากการอักเสบจึงทำให้เยื่อบุผนังหลอดลมมีการหนาตัว กล้ามเนื้อหลอดลมมีการหดเกร็งตัว ทำให้ผู้ป่วยมีอาการไอ แน่นหน้าอก หายใจมีเสียงหวีด และหอบเหนื่อย อาการหอบเหนื่อยจะเกิดขึ้นทันทีที่ได้รับสารภูมิแพ้
ขณะที่ท่านเป็นหอบหืด หลอดลมของท่านจะมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้
เมื่อท่านหายใจเอาสารภูมิแพ้เข้าไปในปอดจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในปอดดังนี้

1.Acute bronchoconstriction มีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหลอดลม[Airway muscle] หลังจากได้รับสารภูมิแพ้ทำให้ลมผ่านหลอดลมลำบาก
2.Air way edemaเนื่องจากมีการหลั่งของน้ำทำให้ผนังหลอดลมบวมผู้ป่วยจะหอบเพิ่มขึ้น
3.Chronic mucous plug formation มีเสมหะอุดหลอดลมทำให้ลมผ่านหลอดลมลำบาก
4.Air way remodeling มีการหนาตัวของผนังหลอดลมทำให้หลอดลมตีบเรื้อรัง


จากกลไกดังกล่าวทำให้หลอดลมมีการหดเกร็ง ผู้ป่วยจึงเกิดอาการดังต่อไปนี้
•หายใจตื้น หรือหายใจสั้น
•แน่นหน้าอก
•ไอ
•หายใจเสียงดัง
โรคหอบหืดจะมีอาการไม่แน่นอนอาการของผู้ป่วยจะผันแปรได้หลายรูปแบบ

•อาการหอบอาจจะเบาจนกระทั่งหอบหนัก
•อาการแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน
•อาการอาจจะกำเริบเป็นครั้งๆ หรืออาการอาจจะหายไปเป็นเวลานาน
•อาการหอบแต่ละครั้งจะไม่เท่ากัน
การวินิจฉัย

จุดประสงค์ของการรักษาหอบหืด
•ไม่มีอาการหอบหืด เช่น ไอ หายใจเสียงดังหวีด แน่นหน้าอก
•ไม่ต้องตื่นกลางคืนเพราะอาการหอบหืด
•ไม่ต้องเข้าห้องฉุกเฉิน หรือนอนโรงพยาบาลเพราะโรคหอบหืด
•สามารถคุมอาการให้สงบลงได้และหอบหืดเรื้อรังน้อยที่สุด
•ป้องกันไม่ให้เกิดอาการกำเริบของโรค
•ยกระดับสมรรถภาพการทำงานของปอดให้ดีทัดเทียมกับคนปกติ
•สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เหมือนคนปกติไม่ต้องหยุดเรียนหรือหยุดงาน
•หลีกเลี่ยงผลแทรกซ้อนจากยารักษาโรคหืด
•ลดอุบัติการณ์การเสียชีวิตจากโรคหอบหืด
•ใช้ยา beta2-agonistเพื่อระงับอาการหอบให้น้อยที่สุด
•ไม่มีภาวะฉุกเฉินของอาการหอบหืด
•สามารถออกกำลังกายได้เหมือนคนปกติ
หลังการรักษาไม่ควรมีอาการหอบหืดอย่าเข้าใจผิดว่าหากมีอาการหอบ พอพ่นยาแล้วหายหอบคืออาการดีขึ้น การรักษาที่ดีต้องไม่หอบ
การรักษาให้ได้ผลดีต้องประกอบด้วยต้องประกอบด้วยแผนการรักษาดังนี้ ท่านผู้อ่านที่เป็นหอบหืดติดตามทีละหน้า และพยายามทำความเข้าใจ จะทำให้นำไปปฏิบัติได้
•การวินิจฉัย
•การหลีกเลี่ยงหรือขจัดสิ่งต่างๆที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ผู้ป่วยทุกคนควรทราบถึงปัจจัยที่ทำให้หอบหืดเป็นมากขึ้น
•การจำแนกความรุนแรงของโรคหอบหืดเมื่อให้ผู้ป่วยทราบความรุนแรงของโรคว่าอยู่ในขั้นไหนจะทำให้ทราบว่าควรจะได้รับยาอะไรบ้าง
•ยาที่ใช้รักษาโรคหอบหืดผู้ป่วยควรทราบว่ายาที่ใช้อยู่เป็นยาที่ใช้บรรเทาอาการหรือเป็นยาที่ใช้รักษาโรคในระยะยาว
•แผนการรักษาโรคหอบหืดเรื้อรังเป็นแผนการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีความรุนแรงในแต่ละขั้น
•แผนการรักษาหอบหืดฉับพลันสำหรับผู้ป่วยเป็นแผนการรักษาเมื่อเกิดหอบหืดเฉียบพลันเพื่อให้ผู้ป่วยดูแลตัวเองเบื้องต้นที่บ้าน
•คุณต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนพบแพทย์เป็นการเตรียมข้อมูลเพื่อให้แพทย์ทราบอาการของโรค
•ผู้ป่วยมีอาการดังต่อไปนี้ควรพบแพทย์ทันทีเพื่อให้ผู้ป่วยเป็นแนวทางในการพิจารณาถึงความรุนแรงและเร่งด่วนของโรค
•ผู้ป่วยคนไหนที่ควรอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อรักษา
•ผู้ป่วยคนไหนที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหืด•โรคหอบหือในภาวะพิเศษ เช่นโรคหอบกลางคืน หอบขณะออกกำลังกาย หอบขณะตั้งท้อง

โรคกรดไหลย้อน


โรคกรดไหลย้อนหมายถึงภาวะที่กรดในกระเพาะไหลย้อนมาในหลอดอาหารทำให้เกิดการอักเสบของหลอดอาหาร ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บหน้าอก

โครงสร้างของกระเพาะอาหาร
เมื่อเรารับประทานอาหารทางปาก อาหารจะถูกเคี้ยวและกลืนเข้าหลอดอาหาร อาหารจะถูกบีบไล่ไปยังกระเพาะอาหาร ระหว่างรอยต่อของกระเพาะอาหารและหลอดอาหารจะมีหูรูดหรือที่เรียกว่า Sphincter ทำให้ที่ปิดมิให้อาหารหรือกรดไหลย้อนกลับไปยังหลอดอาหาร เมื่ออาหารอยู่ในกระเพาะจะมีกรดออกมาจำนวนมาก เมื่ออาหารได้รับการย่อยแล้วจะถูกการบีบไปยังลำไส้เล็ก ดังนั้นหากมีกรดไหลย้อนไปยังหลอดอาหารก็จะมีอาการเจ็บหน้าอก

โรคกรดไหลย้อนคืออะไร
คือภาวะที่กรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารไปยังหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการเจ็บแน่นหน้าอก หรือแสบหน้าอก บางครั้งอาจจะรู้สึกรสเปรี้ยว

สาเหตุของกรดไหลย้อน
•Hiatus hernia (คือโรคที่เกิดจากกระเพาะอาหารส่วนต้นเข้าไปในกำบังลม)
•ดื่มสุรา
•อ้วน
•ตั้งครรภ์
•สูบบุหรี่
•อาหารรสเปรี้ยว เผ็ด
•ช้อกโกแลต
•อาหารมัน ของทอด
•หอมกระเทียม
•มะเขือเทศ

ประโยชน์จากสะเดา


สะเดาถือว่าเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและสามารถนำไปใช้อย่างอื่นได้อีกด้วย วันนี้มีประโยชน์จากสะเดามาบอก...

- เนื้อไม้ เหมาะสำหรับนำไปก่อสร้างบ้านเรือน ทำเสา เข็ม และ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ รวมทั้งเป็นเชื้อเพลิงคุณภาพดี

- เป็นอาหารและพืชสมุนไพร เช่น ในดอกและยอดอ่อน ใช้เป็นอาหารและยาเจริญอาหาร ดอกแก้พิษเลือดกำเดา บำรุงธาตุ ผลแก้โรคหัวใจ ยางดับพิษร้อน เปลือกแก้ไข้มาลาเรีย และเป็นยาสมานแผล ผลอ่อนใช้ถ่ายพยาธิ เมล็ดใช้รักษาโรคเบาหวาน

- เป็นสารป้องกันและกำจัดแมลง สะเดามีสารชนิดหนึ่งชื่อ กะซ้าหอยแรคติหน สามารถนำมาสกัด เป็นสารป้องกันกำจัดแมลงได้ พบมากที่สุดในส่วนของเมล็ด

- ปลูกเพื่อเป็นแนวกันลมและให้ร่ม เนื่องจากมีใบหนาทึบ รากลึก ทนแล้ง ทนดินเค็ม และผลัดใบในเวลาสั้น

- น้ำมันที่ได้จากเมล็ดสะเดาใช้ทำเชื้อเพลิงจุดตะเกียง ส่วนเปลือกมีสารแทนนิน ใช้ในอุตสาหกรรมฟอกหนัง และกากสะเดาใช้เป็นปุ๋ย ผสมเป็นอาหารสัตว์

รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมนำสะเดาไปใช้ให้เหมาะสมกันดูได้

ลำไย


เป็นที่ทราบกันดีว่า ลำไยเป็นผลไม้ที่มีความร้อนในตัว จึงมีคำเตือนว่า กินลำไยมากจะร้อนใน แต่งานวิจัยทางวิชาการหลายชิ้น ชี้ว่า ลำไยเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์หลายด้าน เช่น มีปริมาณซูโครสและกลูโคสสูง ช่วยให้ร่างกายสดชื่นได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ยังมีสารอาหารต่าง ๆ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินบี และวิตามินซี มีประโยชน์ต่อระบบประสาท เลือด กระดูกและฟัน

เนื้อลำไย มีสรรพคุณบำรุงเลือด ทำให้ผิวพรรณสดใส จึงเหมาะกับสตรีหลังคลอด นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงหัวใจ และม้าม

ใบลำไย ใช้ชงเป็นชารักษาโรคมาลาเรีย แก้หวัด และริดสีดวงทวาร

ดอก ใช้ขับปัสสาวะ ขับนิ่ว

หรือแม้แต่ เมล็ดลำไย ก็ใช้แก้ปวด รักษาโรคผิวหนัง

Business

Blog M