1.การนอนกรนเกิดจากอะไร การนอนกรนเกิดจากการที่มีภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจ ทำให้อากาศที่เราหายใจขณะหลับ ผ่านลงไปสู่ปอดไม่สะดวก เกิดการสั่นของเพดานอ่อน และลิ้นไก่ ทำให้เกิดเป็นเสียงกรน
2.การอนอนกรนมีผลเสียอย่างไรต่อสุขภาพ นอกจากเสียงกรนที่ทุกท่านทราบดีอยู่แล้วว่า สามารถสร้างความรำคาญให้กับคนรอบข้าง หรือคนที่นอนในบริเวณเดียวกัน ในบางรายถึงกับทำให้มีปัญหาด้านครอบครัวเกิดขึ้น การอุดกั้นทางเดินหายใจในผู้ที่นอนกรน อาจมากถึงระดับที่ทำให้หยุดหายใจขณะนอนหลับ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับนี้ ถ้าเกิดขึ้นบ่อย และถี่ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ ก็สามารถทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพดังต่อไปนี้
◦ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกที่ไม่แจ่มใส แม้ว่าจะนอนจำนวนชั่วโมงเพียงพอแล้ว
◦มีอาการปวดหัว หรือเวียนหัวในตอนเช้าหลังตื่นนอน
◦อาการง่วงหงาวหาวนอนมากกว่าปกติในช่วงตอนกลางวัน
◦มีอาการหลับใน ขณะนั่งทำงานหรือขับรถ
◦ความจำหรือสติปัญญาแย่ลงกว่าวัยอันสมควร
◦อารมณ์หงุดหงิด โมโหง่าย โกรธง่าย
◦เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เป็นต้น
◦ในเด็กอาจมีปัญหาเรื่องการเรียนที่แย่ลง หรือปัสสาวะรดที่นอนในเด็กโต เป็นต้น
3.พ่อแม่ปู่ย่าตายายของเราก็นอนกรมกันมานาน ทำไมไม่เห็นเป็นโรคอะไรกันมากมาย คนส่วนใหญ่แล้วจะมีอาการนอนกรน และทำให้เกิดปัญหาเรื่องเสียงรบกวนแต่เพียงอย่างเดียว เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่พบว่ามีอาการหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย คนกลุ่มหลังนี้เท่านั้นที่จะมีปัญหาด้านสุขภาพตามมา
4.จะทราบได้อย่างไรว่าอาการนอนกรนที่เป็นอยู่เป็นแบบกรนอย่างเดียว หรือมีอาการหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย เราสามารถทราบจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และส่งทำ การทดสอบขณะนอนหลับ ก็จะสามารถบอกได้ว่าการนอนกรนของท่านเป็นแบบใด
5.การทดสอบขณะนอนหลับ คืออะไร เป็นการทดสอบโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อการวินิจฉัยว่าท่านมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือไม่ ถ้ามี มีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด โดยเป็นเครื่องมือวัดการทำงานของระบบต่าง ๆ เช่น สมอง หัวใจ ระดับออกซิเจนในเลือด อัตราการไหลของอากาศทางจมูก เสียงกรน ขณะทำการทดสอบ ท่านเพียงแต่เข้านอนตามปกติ และติดอุปกรณ์เหล่านี้ โดยไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ
6.ถ้าผลการทดสอบมีเพียงอาการนอนกรนอย่างเดียว จะมีวิธีรักษาอย่างไร ผู้ที่มีอาการอาจจะเลือกรักษา หรือไม่รักษาก็ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีปัญหากับคู่นอนหรือการเข้าสัมคมมากน้อยเพียงใด วิธีการรักษาเริ่มตั้งแต่วิธีง่าย ๆ ที่ท่านสามารทำได้ด้วยตัวเอง เช่น
◦นอนตะแคง
◦หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งยาที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอน
◦ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
◦รักษาโรคอื่น ๆ ที่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคภูมิแพ้
7.ถ้าใช้วิธีดังกล่าวแล้ว อาการนอนกรนยังไม่ดีขึ้นจะทำอย่างไร วิธีการรักษาในขั้นต่อไป คือ การใช้เครื่องเพิ่มความดันในทางเดินหายใจ (CPAP) โดยจะเพิ่มความดันในทางเดินหายใจของท่าน และทำให้ทางเดินหายใจโล่งอยู่ตลอดเวลา หรืออาจใช้การรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งสามารถใช้การผ่าตัดตกแต่งลิ้นไก่ และเพดานอ่อน การผ่าตัดด้วยลำแสงเลเซอร์ การผ่าตัดด้วยคลื่นวิทยุเพื่อทำให้อาการนอนกรนดีขึ้น
8.ถ้ามีอาการนอนกรน และมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย จะมีวิธีการรักษาอย่างไร ผู้ที่อยู่ในกลุ่มนี้ สามควรอย่างยิ่งที่จะทำการรักษา เนื่องจากการปล่อยทิ้งไว้จะทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพตามมา วิธีการรักษาจะคล้ายคลึงกับอาการนอนอกรนธรรมดา แตกต่างกันที่ควรจะให้การรักษาหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน เช่น ลดน้ำหนักควบคู่ไปกับการใช้เครื่อง CPAP หรือการรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมไปด้วยการรักษาด้วยการผ่าตัดอาจต้องทำมากกว่าการรักษาอาการนอนกรนธรรมดา ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของการอุดกั้นทางเดินหายใจที่มีอยู่
9.การรักษาด้วยการผ่าตัดได้ผลเป็นอย่างไร มีอันตรายหรือไม่ โดยทั่วไปการผ่าตัดจะได้ผลในระดับค่อนข้างดี (ประมาณ 75-80%) อัตราเสี่ยงสำหรับการผ่าตัดรักษาอาการนอนกรนไม่แตกต่างจากการผ่าตัดอื่น ๆ
10.เมื่อมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลจะได้รับการตรวจรักษาอย่างไร แพทย์จะทำการซักประวัติตรวจร่างกายทางหู คอ จมูก โดยละเอียด รวมทั้งให้ผู้ป่วยทำแบบประเมินอาการนอนกรน เพื่อใช้ในการติดตามผลการรักษา แพทย์จะทำการตรวจหาตำแหน่งการอุดกั้นของทางเดินหายใจด้วยการส่องกล้างตรวจรวมทั้งส่งการตรวจเอกซเรย์ด้านข้างของกระโหลกศีรษะ เพื่อประเมินช่องทางเดินหายใจของผู้ป่วย ถ้าสงสัยว่าผู้ป่วยอาจมีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ (รพ. กรุงเทพมีบริการทำการทดสอบนี้ให้ถึงบ้านในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล) เมื่อได้ผลแล้วจะให้คำแนะนำวิธีการรักษาให้กับผู้ป่วย ถ้าผู้ป่วยเลือกใช้การรักษาด้วยเครื่อง CPAP จะมีบริการให้ผู้ป่วยได้ทดลองใช้เครื่อง 1 อาทิตย์ฟรี และให้ผู้ป่วยเลือกวิธีการรักษาอีกครั้ง ถ้าเลือกการรักษาด้วยการผ่าตัด ทางโรงพยาบาลฯ สามารถบอกค่าใช้จ่ายที่แน่นอนในการรักษาด้วยโปรแกรมการผ่าตัดแบบเหมาจ่าย ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการนอนกรนที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ด้วย
การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน (Internal Environmental Analysis)
-
สภาพแวดล้อมภายนอกมีอิทธิพลต่อองค์การอย่างมากก็จริง
แต่ผู้บริหารต้องมีความเข้าใจและสามารถจัดการปัจจัยภายในองค์การด้วยการดาเนินงานจึงจะบรรลุเป้าหมาย
การวิเคร...
5 ปีที่ผ่านมา
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น