Holiday-Tourismthailand

การจัดการการตลาดแนวใหม่

Custom Search

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554


นมแพะ และ ประโยชน์ ทางเลือกใหม่ของคนรักสุขภาพ
นมแพะหลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อกันมาบ้างแล้วแต่ก็คงมีอีกหลายๆ คนที่ยังไม่เคยได้ลองลิ้มชิมรสของเจ้า นมแพะ กันดูบ้างเลยใช่ไหมล่ะค่ะว่ารสชาติเป็นอย่างไรจะสู้นมวัวได้บ้างรึเปล่า แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ประโยชน์ของนมแพะ นั้นมีคุณค่าเทียบเท่ากับน้ำนมแม่กันเลยทีเดียวเชียวแหละค่ะ ส่วนใหญ่แล้วคนเราจะรู้จักเพียงแค่ นมวัว หรือ นมโค และก็ นมควาย เป็นส่วนใหญ่เท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้ก็เริ่มมีการนำ นมแพะ มาขายกันมากขึ้น แต่ราคาอาจจะยังสูงอยู่เมื่อเปรียบเทียบกับ นมวัว และ นมควาย แต่ถึงอย่างไรก็ตามหากจะอยากลองหันมาบริโภคนมแพะกันสักครั้งก็ลองมาทำความรู้กับ ประโยชน์ของนมแพะ กันดูบ้างเลยค่ะ

ผลการวิจัยทางการแพทย์ทุกฉบับลงมติว่า นมแม่ดีที่สุดครบถ้วนไปด้วยโภชนาการที่สมบูรณ์พร้อมช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในด้านต่างๆ และไม่มีค่าใช้จ่ายสูงลิบจนต้องกุมขมับ ถ้าสิ่งที่ดีที่สุดและมีเพียงหนึ่งเดียวในโลกนั้นกลายเป็นปัญหาใหญ่เนื่องจากสุขภาพของแม่อ่อนแอ มีความเสี่ยงต่อโรคทางพันธุกรรม หัวนมบอด ไม่สามารถขับน้ำนมได้เพียงพอกับความต้องการของทารก อย่างนั้นหนูน้อยตาแป๋วเพิ่งลืมตาดูโลกคงต้องร้องเสียงหลงรอคอยไปทั้งชีวิตหรือ แต่เมื่อทางเลือกใหม่เกิดขึ้นสามารถหานมสัตว์ชนิดหนึ่งมาทดแทนนมแม่และสามารถดื่มได้อย่างต่อเนื่องจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ นั่นคือ "นมแพะ" ซึ่งคุ้นเคยกันในประเทศแถบตะวันตกและประเทศแปซิฟิกใต้ อาทิ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ พวกเขาพิสูจน์แล้วว่า นมแพะมีระบบคัดหลั่งเหมือนกับนมแม่ นมแพะจึงเป็นนมที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากและมีโอกาสแพ้น้อยกว่า
ประโยชน์ ของ นมแพะ

- น้ำนมแพะมีชนิดของโปรตีนที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ที่เรียกว่า เบต้า แลคโต กลอบูลินอยู่ปริมาณต่ำกว่านมวัวถึง 3 เท่า ทำให้โอกาสแพ้นมน้อย น้ำนมแพะย่อยได้ง่ายเนื่องจากมีโปรตีนชนิดย่อยยากที่เรียกว่า แอลฟ่า เอสวัน เคซีน อยู่น้อยเมื่อเทียบกับนมวัวมีขนาดไขมันที่เล็กกว่าและมีไขมันชนิดที่ย่อยได้ง่าย

- ลักษณะโครงสร้างโปรตีนในนมแพะมีโปรตีนหลักเป็นเบต้าเคซีน ซึ่งมีคุณสมบัติในการจับกับแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม เหล็ก จึงทำให้นมแพะดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุที่สูงกว่า

- แล้วคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับเด็กล่ะ นมแพะประกอบด้วย สารไบโอแอคทีฟ คอมโพแนนท์ ตามธรรมชาติเหมือนนมแม่ ซึ่งทำให้นิวคลีโอไทด์ 5 ชนิด ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันเต็มไปด้วยทอรีนช่วยเสริมพัฒนาการทางสมองและสายตา มีโพลีเอมีนส์ลดการอักเสบและการแพ้อาหารที่ลำไส้ และเกรทแฟคเตอร์ที่ช่วยกระตุ้นการเจริญของร่างกายมีปริมาณแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่านมวัว

- ถึงแม้ว่าข้อเสียของนมแพะจะมีกลิ่นคาวแต่นักวิจัยจากบริษัทแดรี่โกท จำกัด ประเทศนิวซีแลนด์ บอกว่าเด็กทารกจะไม่รับรู้กลิ่นนั้นแต่ถึงอย่างนั้นเขาว่ากรรมวิธีรีดนมเบาๆ และรวดเร็วนั้น ตลอดจนกระบวนการเปลี่ยนนมสดเป็นนมผงช่วยลดกลิ่นคาวได้

- พวกเขายังแนะนำเพิ่มเติมอีกว่าน้ำสะอาดที่ใช้ชงนมไม่ควรร้อน เกิน 70 องศาเซลเซียส เพราะหากร้อนกว่านั้นมันจะไปทำลายสารอาหารและวิตามินในนมเสียไปและห้ามใช้นมสดพาสเจอร์ไรซ์สเตอริไรซ์หรือยูเอชทีเลี้ยงทารกแรกเกิดถึง 6 เดือนเป็นอันขาด

- ทิ้งท้ายให้อยากลิ้มลองว่า คุณแม่ชาวออสซี่สร้างสถิติใช้นมแพะต่อเนื่องกว่า 73 เปอร์เซนต์ในขณะที่แม่ๆ เริ่มเบื่อนมวัวกันบ้างแล้ว

บันได 12 ขั้นตัวช่วยเลิกสูบบุหรี่


บันได 12 ขั้นตัวช่วยเลิกสูบบุหรี่ - เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ขานรับ 12 ขั้นบันไดของการเลิกสูบบุหรี่ ที่เสนอโดย ดร.โธมัส กลินน์ จากสมาคมต่อต้านมะเร็ง สหรัฐอเมริกา ในที่ประชุมเครือข่ายบริการช่วยคนให้เลิกสูบบุหรี่ระดับโลก ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า การพยายามช่วยให้คนเลิกสูบบุหรี่ เลิกบุหรี่ได้ และมีสุขภาพที่ดีขึ้น ต้องผ่านขั้นตอนระดับต่างๆ ที่อาจจัดได้ถึง 12 ระดับด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ตั้งแต่



1.การที่ผู้สูบบุหรี่เริ่มคิดที่เลิกสูบ
2.บันทึกเหตุจูงใจที่จะเลิก
3.คิดถึงการกำหนดวันที่จะเลิก
4.กำหนดวันที่จะเลิก
5.ยังไม่เลิกแต่สูบน้อยลง
6.เลิกสูบได้ไม่กี่ชั่วโมง
7.เลิกสูบได้ 1 วัน
8.เปลี่ยนจากการสูบทุกวันเป็นสูบเป็นครั้งคราว
9.เลิกได้ 1 อาทิตย์
10.เลิกได้ 1 เดือน
11.เลิกได้ 1 ปี
12.เลิกได้ 5 ปี
ดังนั้น การช่วยให้คนเลิกสูบบุหรี่ หากสามารถขยับผู้สูบบุหรี่ไปสู่ระดับที่สูงขึ้นในแต่ละขั้น ก็ควรจะถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว และจะทำให้การช่วยให้ผู้สูบบุหรี่ก้าวสู่บันไดขั้นที่สูงขึ้นเป็นไปได้ง่ายขึ้น จนถึงขั้นสุดท้ายคือการเลิกสูบอย่างถาวร ผู้ที่จะช่วยให้คนเลิกสูบบุหรี่ รวมทั้งผู้ที่พยายามเลิกสูบบุหรี่เองจึงต้องพยายามไต่บันไดขึ้นไปทีละขั้น และแม้ยังเลิกไม่ได้เด็ดขาดก็ไม่ควรที่จะท้อถอยที่จะพยายามต่อไปจนเลิกได้สำเร็จ

ทั้งนี้ จากการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่ระดับโลกของคนไทยต้นปีนี้ พบว่าในจำนวนคนไทย 12 ล้านคนที่สูบบุหรี่ ร้อยละ 60 คิดที่จะเลิกและในจำนวนคนที่คิดจะเลิก ครึ่งหนึ่งได้พยายามลงมือเลิกสูบใน 12 เดือนก่อนการสำรวจ ทั้งนี้ มีคนไทยเลิกสูบบุหรี่ได้แล้ว 4.6 ล้านคน และ 9 ใน 10 เลิกได้ด้วยตนเอง ผู้สูบบุหรี่ทุกคนจึงควรลงมือเลิกและพยายามต่อไปจนสำเร็จ หากต้องการข้อมูลหรือความช่วยเหลือ สามารถติดต่อหมายเลข 1600 สายด่วนช่วยคนเลิกบุหรี่


Tags:การดูแลสุขภาพการเลิกบุหรี่สุขภาพ< Prev Next >

10 สถานการณ์คุกคามสุขภาพคนไทย

10 สถานการณ์คุกคามสุขภาพคนไทย - แนะสร้างครอบครัว-ชุมชนเข้มแข็งลดพฤติกรรมเสี่ยง

สสส.เปิด 10 สถานการณ์คุกคามสุขภาพคนไทย ทั้งหวัดใหญ่ 2009 เอดส์ โรคเรื้อรัง อุบัติเหตุ เหล้า บุหรี่ นับวันยิ่งรุนแรง เหยื่อส่วนใหญ่เป็นเด็กและเยาวชน ต้องจ่ายค่ารักษาสุขภาพ 134,587 ล้านบาท ชี้มาตรการที่ผ่านมายังอ่อน แนะเน้นสร้างความเข้มแข็งในครอบครัว-ชุมชน ลดพฤติกรรมเสี่ยง สร้างระบบบริการเข้มแข็ง

นพ.พินิจ ฟ้าอำนวยผล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ กล่าวว่า ปัญหาสำคัญของคนไทยที่พบมากที่สุดคือปัญหาด้านสุขภาพ และคุณภาพชีวิต จากการประเมินสถานการณ์ด้านสุขภาพคนไทยปี 2552 โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่า มาตรการและการควบคุมโรคต่างๆ ที่ผ่านมา อาจยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร

เพราะยังมีปัญหาสุขภาพกว่า 10 สถานการณ์ของโรคที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน ได้แก่



1.ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่มีผู้ป่วยและเสียชีวิตกระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่ จากรายงานผู้เสียชีวิตถึงวันที่ 19 ธ.ค.มีจำนวน 191 ราย
2.โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พบว่าคนส่วนใหญ่ไม่ป้องกัน จากผลสำรวจใช้ถุงยางอนามัยเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น
3.โรคเรื้อรัง อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และหลอดเลือด รวมถึงโรคมะเร็งป่วย ซึ่งมีผู้ป่วยที่ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาลรวมกว่า 1.4 ล้านคน
4.อุบัติเหตุ ซึ่งในรอบปี 2552 เกิดอุบัติเหตุ 23,000 ครั้ง เสียชีวิต 3,000 ราย สร้างความสูญเสียกว่า 600 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากความประมาทในการขับขี่
5.ปัญหาสุขภาพจิต ในปี 2552 พบว่าคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป มีคะแนนสุขภาพจิตที่ต่ำกว่าคนทั่วไปร้อยละ 14.7
6.พฤติกรรมสูบบุหรี่ แอลกอฮอล์ ยาเสพติด ที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา โดยพบว่าปี 2549 มีผู้สูบบุหรี่ 35,000 ล้านมวนต่อปี รวมไปถึงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า คือเพิ่มจาก 1,500 ล้านลิตร ในปี 2539 เป็น 2,500 ล้านลิตร ในปี 2549 และปัญหายาเสพติดก็เริ่มกลับเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
7.สิ่งแวดล้อม อาทิ การติดเชื้อต่างๆ จากสารเคมี ยากำจัดศัตรูพืช โดยพบมากกว่า 81 ราย ต่อประชากรแสนคน
8.ปัญหาความรุนแรง เริ่มก่อตัวขึ้นในกลุ่มเด็กและเยาวชนอย่างเท่าตัว ในปี 2550 มีเด็กและเยาวชนถูกจับกุมด้วยคดีทำร้ายร่างกายกว่า 7,700 คดี เพิ่มจาก 4,800 คดีในปี 2546
9.วิกฤตเศรษฐกิจและความมั่นคงทางอาหาร เห็นได้จากการถูกเลิกจ้างทำให้จำนวนคนว่างงานเพิ่มมากขึ้น จำนวน 460,000 คนในปี 2551 หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.4 และในปี 2552 พบจำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 เทียบกับปี 2551
10.ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ซึ่งคนไทยมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพรวมแล้วกว่า 134,587 ล้านบาท
นพ.พินิจ แนะนำวิธีจัดการกับปัญหาเพื่อให้วิกฤติสุขภาพของคนไทยดีขึ้นควรเน้นหนัก 3 เรื่องใหญ่ๆ คือ 1.เน้นสร้างความเข้าใจในเด็กและเยาวชนเป็นหลัก เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงของปัญหาสุขภาพที่หลากหลาย อาทิ ปัญหาเพศสัมพันธ์ โรคเอดส์ การตั้งครรภ์ ยาเสพติด ความรุนแรง ปัญหาสุขภาพจิต การฆ่าตัวตาย 2.สร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยลดการใช้สารเคมี เน้นการพึ่งพาตนเอง เสริมสร้างความสมานฉันท์ในสังคม จัดระบบการดูแลผู้ที่มีปัญหาสุขภาพในชุมชน ได้แก่ ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต และ 3.สร้างความเข้มแข็งของระบบบริการสุขภาพแบบผสมผสาน เน้นการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค เฝ้าระวังการระบาดของโรคอุบัติใหม่ คัดกรองความเสี่ยงโรคเรื้อรัง รวมทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนในพื้นที่ ควบคู่ไปกับการรักษาโรคเรื้อรังที่ต่อเนื่อง เพื่อลดโอกาสเกิดความพิการและเสียชีวิต โดยการสนับสนุนจากโรงพยาบาล ในรูปแบบของเครือข่ายบริการสุขภาพระดับอำเภอ



ที่มา : หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ

อย่าติดหวาน น้ำตาลคือยาพิษ


คงจะเป็นคำกล่าวที่ดูเกินจริงไปบ้าง เพราะน้ำตาลไม่ใช่ยาพิษที่จะทำให้คุณเสียชีวิตทันทีทันใดที่รับประทานน้ำตาล แต่จะมีผลเสียต่อ สุขภาพ ร่างกาย ถ้าหากรับประทานมากเกินไป แต่ความเป็นจริงนั้นก็คือน้ำตาลทรายขาวมิได้ให้คุณประโยชน์ใด ๆ ต่อ สุขภาพ ร่างกายมากนัก การรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยน้ำตาลทรายขาวเป็นประจำมีแต่จะทำให้เกิดโรคภัยต่าง ๆ และเป็นผลเสียต่อ สุขภาพ ได้ง่าย ๆ โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคปวดศรีษะ โรคเกี่ยวกับหลอดเลือด อาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ฯลฯ ล้วนแต่เกิดขึ้นเพราะบริโภคน้ำตาลทรายขาวมากเกินไป

จริงอยู่ว่าสมองของคนเราต้องการน้ำตาลไปเลี้ยงบำรุงร่างกาย แต่นั่นหมายถึงน้ำตาลที่บริสุทธิ์ มิได้ผ่านกระบวนการทางเคมีต่าง ๆ คนเราควรรับประทานน้ำอ้อย หรือน้ำผึ้งเพื่อเป็นการให้ความหวานต่อร่างกายแทนน้ำตาลทรายขาว การปรุงอาหารต่าง ๆ ควรใช้น้ำตาลทรายแดงเพียงเล็กน้อย ขนมหวานต่าง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานเพราะความหวานจากผลไม้อันเป็นเสมือนน้ำตาลจากธรรมชาติ น้ำผึ้ง น้ำอ้อย จะสามารถให้น้ำตาลแก่สุขภาพร่างกายได้อย่างพอเพียง



ร่างกายเมื่อขาดน้ำตาลในกระแสเลือดจะทำให้คุณหดหู่ หม่นหมอง เครียด และสมองทำงานไม่ได้ดี การตัดสินใจ ความคิดความอ่านก็จะพลอยย่ำแย่ไปด้วย ดังนั้นความหวานจึงจำเป็นต่อ สุขภาพ ร่างกายเรา แต่น้ำตาลที่ร่างกายต้องการคือน้ำตาลบริสุทธิ์เท่านั้น

การที่คุณรับประทานผลไม้ทุก ๆ วันก็เท่ากับว่าเติมน้ำตาลให้ร่างกายอย่างพอเพียงแล้ว ขนมหวานต่าง ๆ น้ำอัดลม อาหารปรุงด้วยน้ำตาลทรายขาว มิได้ให้แร่ธาตุหรือสารอาหารที่ร่างกายต้องการเลยแม้แต่น้อยนิด

คนเรานั้นเสพติดรสหวานของน้ำตาลทราย คงเป็นเรื่องยากที่จะบอกให้พวกเราทุกคนโยนน้ำตาลออกไปให้หมดจากบ้านและเลิกกินน้ำตาลทรายขาวตลอดชีวิต แต่ถ้าคุณค่อย ๆ ลดและเลี่ยงการเติมน้ำตาลทรายขาวใส่ในอาหารและเครื่องดื่ม เลิกแตะต้องขนมเค้ก ขนมต่าง ๆ ที่มีน้ำตาลทรายขาวเป็นส่วนประกอบ คุณจะพบว่าร่างกายบริสุทธิ์สะอาดขึ้น สดใส สมองปลอดโปร่ง ไม่เป็นโรคปวดศรีษะ ไม่หงุดหงิดง่าย โรคประจำตัวต่าง ๆ จะคลายหายไปอย่างรวดเร็วอย่างอัศจรรย์ที่สุด

กับแกล้มที่ดีของนักดื่ม


กับแกล้มที่ดีของ นักดื่ม ความจริงแล้วการดื่มเหล้านั้นเป็นการทำลาย สุขภาพ ให้ย่ำแย่ได้ง่ายที่สุุด ดังนั้นจึงควรเลิกนิสัย นักดื่ม ให้ได้จะเป็นการดีต่อ สุขภาพ ที่สุด

แต่ในขณะที่ยังเลิกดื่มไม่ได้หรือคุณที่นานทีปีหนจะดื่มก็ควรจะรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย ๆ การรับประทานอาหารหนัก ๆ หรือมัน ๆ ทำให้ ระบบย่อยอาหาร ต้องทำงานหนักขึ้นอีกหลายเท่า จะมีแต่โทษต่อ สุขภาพ ร่างกาย ของคุณเอง

และถ้าไม่รับประทานอาหารใด ๆ เลยระหว่างที่ดื่มก็ยิ่งจะทำให้แย่หนักเข้าไปอีก อาหารที่เหมาะสมมีหลายอย่าง เช่น

ตับ หอยแครง หอยนางรม หอยแมลงภู่ ปู เต้าหู้ กุ้ง ผัก เป็นต้น แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะเลิกนิสัยเป็น นักดื่ม จะดีต่อ สุขภาพร่างกาย ที่สุด

Business

Blog M