ลักษณะทั่วไป
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย พบได้เกือบทั้งปี แต่จะเป็นมากใน
ช่วงฤดูฝน (ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคม) บางปีอาจพบการระบาดทั่วโลก พบเป็น
สาเหตุอันดับแรก ๆ ของอาการไข้ที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน แพทย์มักจะให้การวินิจฉัยผู้ใหญ่
ที่มีอาการตัวร้อนมา 2-3 วัน โดยไม่มีอาการอย่างอื่นชัดเจนว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ซึ่งบาง
ครั้งก็อาจจะผิดพลาดได้
สาเหตุ
เกิดจาก เชื้อไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นไวรัสที่มีชื่อว่า อินฟลูเอนซาไวรัส (Influenza virus) เชื้อนี้จะอยู่ใน
น้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วย ติดต่อโดยการไอ จาม หรือหายใจรดกัน หรือโดยการสัมผัส
ถูกมือหรือสิ่งของเครื่องใช้ที่แปดเปื้อนเชื้อ (เช่นเดียวกับไข้หวัด) ระยะฟักตัว 1-4 วัน
เชื้อไข้หวัดใหญ่มีอยู่ 3 ชนิดใหญ่ ๆ เรียกว่า ชนิด เอ, บี และ ซี ซึ่งแต่ละชนิดยังแบ่งเป็นพันธุ์ย่อย ๆ
ออกไปอีกมากมาย ในการเกิดโรคแต่ละครั้งจะเกิดจากพันธุ์ย่อยเพียงพันธุ์เดียว เมื่อเป็นแล้วก็จะมี
ภูมิต้านทานต่อพันธุ์นั้น แต่ไม่สามารถต้านทานพันธุ์อื่น ๆ ได้ จึงอาจติดเชื้อจากพันธุ์ใหม่ได้อีก เชื้อ
ไข้หวัดใหญ่บางพันธุ์ อาจผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำให้เกิด การระบาดใหญ่ และมีการเรียกชื่อโรค
ที่ระบาดแต่ละครั้งตามชื่อของประเทศที่เป็นแหล่งต้นกำเนิด เช่น ไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง (เรียกสั้น ๆ ว่า
ไข้หวัดฮ่องกง หรือ หวัดฮ่องกง), ไข้หวัดรัสเซีย, ไข้หวัดสิงคโปร์ เป็นต้น
อาการ
มักจะเกิดขึ้นทันทีทันใดด้วยอาการไข้สูง หนาว ๆ ร้อน ๆ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก (โดยเฉพาะ
ที่กระเบนเหน็บ ต้นแขนต้นขา) ปวดศรีษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ขมในคอ อาจมีอาการเจ็บในคอ
คัดจมูก น้ำมูกใส ไอแห้ง ๆ จุกแน่นท้อง แต่บางรายก็อาจไม่มีอาการคัดจมูก หรือเป็นหวัดเลยก็ได้
มีข้อสังเกตว่า ไข้หวัดใหญ่ มักเป็นหวัดน้อย แต่ไข้หวัดน้อยมักเป็นหวัดมาก ไข้มักเป็นอยู่ 2-4 วัน
แล้วค่อย ๆ ลดลง อาการไอ และอ่อนเพลีย อาจจะเป็นอยู่ 1-4 สัปดาห์ แม้ว่าอาการอื่น ๆ จะทุเลา
แล้วก็ตาม บางคนเมื่อหายจากไข้หวัดใหญ่ แล้วอาจมีอาการวิงเวียนเหมือนเมารถเมาเรือ เนื่อง
จากมีอาการอักเสบของอวัยวะการทรงตัวในหูชั้นใน ซึ่งมักจะหายเองภายใน 3-5 วัน
สิ่งตรวจพบ
ไข้ 38.5-40 ํซ หน้าแดง เปลือกตาแดง อาจมีน้ำมูกใส คอแดงเล็กน้อยหรือไม่แดงเลย (ทั้ง ๆ ที่
ผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บคอ) ส่วนมากมักตรวจไม่พบอาการผิดปกติอื่น ๆ
อาการแทรกซ้อน
ส่วนมากจะหายได้เองโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน
ส่วนน้อยอาจมีภาวะแทรกซ้อน ที่พบได้บ่อย ได้แก่ ไซนัสอักเสบ , หูชั้นกลางอักเสบ , หูชั้นใน
อักเสบ , หลอดลมอักเสบ, หลอดลมพอง ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ ปอดอักเสบ ซึ่งมักจะเกิด
จากแบคทีเรียพวก นิวโมค็อกคัส หรือ สแตฟฟีโลค็อกคัส (เชื้อชนิดหลังนี้ มักจะทำให้เป็นปอด
อักเสบร้ายแรงถึงตายได้)
ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงมักจะเกิดในเด็กเล็ก คนสูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน คนที่สูบบุหรี่จัด หรือ
ผู้ป่วยที่มีโรคของปอดเรื้อรัง
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่จะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนถึงตายได้นั้น นับว่าน้อย
มาก มักเกิดในเด็กเล็ก หรือคนสูงอายุที่ร่างกายอ่อนแออยู่ก่อน
การรักษา
1. ให้การดูแลปฏิบัติตัว และรักษาตามอาการเหมือนไข้หวัด คือ นอนพักมาก ๆ ห้ามตรากตรำ
งานหนัก ห้ามอาบน้ำเย็น ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวหรือ ประคบด้วยแผ่นประคบเย็น เวลามีไข้สูง กิน
อาหารอ่อน (ข้าวต้ม โจ๊ก) ดื่มน้ำและน้ำหวาน หรือน้ำผลไม้มาก ๆ ให้ยาลดไข้แก้ปวด (ในเด็ก
ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน) ยาแก้ไอ เป็นต้น
2. ยาปฏิชีวนะ ไม่จำเป็นต้องให้เพราะเป็นโรคที่เกิดจากไวรัส จะให้ต่อเมื่อมีภาวะแทรกซ้อนจาก
เชื้อแบคทีเรีย เช่น มีน้ำมูกหรือเสลดสีเหลืองหรือเขียว, ไซนัสอักเสบ, หูชั้นกลางอักเสบ , หลอด
ลมอักเสบ เป็นต้น ยาปฏิชีวนะที่มีให้เลือกใช้ ได้แก่ เพนวี , อะม็อกซีซิลลิน หรือ อีริโทรไมซิน
3. ถ้ามีอาการหอบ หรือสงสัยปอดอักเสบ โดยเฉพาะถ้าพบในคนสูงอายุหรือเด็กเล็ก ควรส่งโรง
พยาบาลด่วน ถ้าพบว่าเป็นปอดอักเสบ ควรให้ยาปฏิชีวนะตามชนิดของเชื้อที่ตรวจพบ
ข้อแนะนำ
1. โรคนี้ถือว่าไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง ส่วนมากให้การดูแลรักษาตามอาการ ก็หายได้เองภายใน 3-5 วัน
ข้อสำคัญ ต้องนอนพัก ดื่มน้ำมาก ๆ และห้ามอาบน้ำเย็น ถ้าไข้ลดลงแล้วควรอาบน้ำอุ่นอีก 3-5 วัน
ในรายที่ไม่ได้พักผ่อน หรือตรากตรำงานหนักอาจหายช้า หรือมีภาวะแทรกซ้อน
2. อาการไข้สูง ปวดเมื่อย และไม่มีอาการอื่น ๆ ชัดเจน อาจมีสาเหตุจากโรคอื่น ๆ ในระยะเริ่มแรก
ก็ได้ เช่น ไข้รากสาดน้อย, ตับอักเสบจากไวรัส , ไข้เลือดออก, หัด เป็นต้น จึงควรสังเกตอาการ
เปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด
ถ้ามีอาการอื่น ๆ ปรากกฏให้เห็นก็ควรให้การรักษาตามโรคที่สงสัย ถ้าหากมีไข้นานเกิน 7 วัน มักจะ
ไม่ใช่ ไข้หวัดใหญ่ แต่อาจมีสาเหตุจากโรคอื่น เช่น ไข้รากสาดน้อย , มาลาเรีย เป็นต้น ผู้ป่วยที่เป็น
ไข้หวัดใหญ่ มักจะมีไข้ไม่เกิน 7 วัน
3. ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ บางครั้งอาจมีอาการคล้ายกันมาก แต่ไข้หวัดใหญ่มักมีไข้สูงและปวดเมื่อย
มาก อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะแยกกันไม่ออก แต่ก็ให้การดูแลรักษาเหมือน ๆ กัน
การป้องกัน
การป้องกัน ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับไข้หวัด
ส่วนวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ มักจะฉีดในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ ซึ่งจะป้องกันได้นานประมาณ
12 เดือน ถ้ามีการระบาดในปีต่อ ๆ ไป ก็ต้องฉีดใหม่อีก โดยทั่วไปถ้าไม่มีการระบาด จะไม่ฉีดวัคซีน
ให้แก่คนทั่วไป ทั้งนี้เนื่องจากเชื้อไข้หวัดใหญ่มีอยู่หลายพันธุ์เราไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้
ว่าในการระบาดครั้งต่อไป จะเกิดจากเชื้อชนิดใด ในแง่ปฏิบัติ จึงไม่นิยมฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่กัน
รายละเอียด
ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ มีอาการคล้ายกัน และให้การรักษาแบบเดียวกัน ไข้หวัดใหญ่มักมีไข้
ไม่เกิน 7 วัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น